top of page

การถูกปิดกั้นตัวตน LGBTQIA+ ผ่านกฎระเบียบของสถานศึกษา

รูปภาพนักเขียน: Meen WitchanonMeen Witchanon
คุณเคยมีความทรงจำที่แย่เกี่ยวกับการแต่งตัวไปสถานศึกษาไหม?

ในทุกๆเช้าหลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติ แทนที่จะได้เข้าเรียน กลับต้องมาเสียเวลากับการตรวจการแต่งกายและทรงผม โดยวิธีการลงโทษที่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่า ด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 ทำได้แค่กล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยจุดประสงค์ต้องทำเพื่อให้นักเรียนสำนึกผิด และประพฤติดีในทางที่ดีต่อไป แต่เราก็ยังคงเห็นการกล้อนผมหรือการลงโทษแบบอื่นๆนอกเหนือจากกฎระเบียบดังกล่าวในสถานศึกษาให้เห็นอยู่เสมอ


แล้วก็ทำให้เกิดความทรงจำที่แย่ในสถานศึกษา โดยเฉพาะในกลุ่ม LGBTQIA+ ที่พวกเขาต้องถูกตีกรอบให้ใส่เฉพาะชุดนักเรียนและทรงผมเฉพาะเพศกำเนิดของตัวเองเท่านั้น แม้ว่าหลายคนจะมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากเราลองคิดดูว่า หากเราต้องแต่งตัวหรือไว้ทรงผมในเพศที่เราไม่ต้องการที่จะเป็นอยู่ๆทุกวันๆ ก็อาจกลายเป็นความชินชา แต่ก็ยังเป็นบาดแผลที่ยังเจ็บปวดอยู่ดี


โดยเราจะขอยกตัวอย่างตัวผู้เขียนเอง ก็เคยเจอประสบการณ์ดังกล่าว โดยถูกตีกรอบจากกฎระเบียบเรื่องทรงผมหรือเครื่องแต่งกาย ในทุุกๆเช้าเราต้องถูกตรวจผม ทำให้เรามักจะเกิดคำถามในใจว่า “ทำไมเราถึงไม่สามารถเป็นตัวเราได้” “มันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอที่เราเป็นเรา” แล้วเราก็จะได้คำตอบแค่เพียงว่า “ก็เพราะมันคือกฎระเบียบ” ทำให้เรายิ่งสงสัยทำไมเราต้องคอยทำตามกฎระเบียบอยู่ฝ่ายเดียว แทนที่จะเป็นกฎระเบียบที่ต้องปรับให้กับคนต่างๆ และความหลากหลายที่ปรับเปลี่ยนอยู่ทุกวัน ซึ่งเราก็ไม่ได้บอกว่า เราไม่ต้องมีกฎระเบียบเลย เพียงแต่ในเมื่อเราต่างเป็นมนุษย์ มีจิตนึกคิด มีตัวตนของแต่ละคน ทำไมสถานศึกษาที่ควรเปิดกว้างกลับปิดกั้นตัวตนของนักเรียน แทนที่จะสอนให้พวกเขารู้จักตัวตนของตัวเองและรู้จักการอยู่ร่วมกันในความหลากหลายของสังคม


แม้กฎระเบียบทรงผมนักเรียน ฉบับล่าสุด พ.ศ.2566 นักเรียนชายและนักเรียนหญิง สามารถไว้ผมยาวหรือสั้นก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสถานศึกษา ทำให้ก็อาจไม่ใช่ทุกโรงเรียนที่นักเรียนจะมีสิทธิในการแต่งกายหรือไว้ทรงผมตามเพศทางเลือก แต่ก็เป็นเรื่องดีที่มีบางโรงเรียนได้นำร่องเรื่องนี้แล้ว เช่น โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง สามารถให้นักเรียนแต่งกายและไว้ทรงผมได้ตามเพศวิถี


แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละสถานศึกษา ทำให้สิทธิด้านการแต่งกายและการไว้ทรงผมก็ยังไปไม่ถึงนักเรียนอย่างทั่วถึง ทำให้เราต้องกลับมาตั้งคำถามว่า สถานศึกษาควรเป็นที่บ่มเพาะให้นักเรียน มีความมั่นใจและสามารถเรียนรู้ถึงประสบการณ์ต่างๆระหว่างอยู่ในสถานศึกษาได้ เพื่อเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ต่อไป แต่ทำไมสถานศึกษากลับปิดกั้นและตีกรอบตัวตนของพวกเขา และเสียเวลาไปกับการตรวจทรงผมและเครื่องแต่งกายไปจนทำให้สถานศึกษาอาจไม่ใช่ที่บ่มเพาะ แต่เป็นฝันร้ายที่ปิดกั้นตัวตนของพวกเขาในที่สุด


อ้างอิงข้อมูลจาก


ดู 12 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Комментарии


ช่องทางการติดตาม (คลิกที่ไอคอนได้เลย)

  • TikTok
  • Line
  • Facebook
  • LinkedIn
  • Instagram
เข้าร่วมไลน์กลุ่ม JB LAW CENTER

© Copyright JB LAW CENTER © 2023 All Rights Reserved

bottom of page